ในโลกที่ทุกคนพูดถึง Big data ข้อมูลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ และธุรกิจที่สามารถเล่นกับข้อมูลได้ถูกที่ถูกเวลา จะช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่โดนใจทั้งธุรกิจ และผู้ใช้งาน
ในทางกลับกัน ธุรกิจที่ยังนิ่งเฉยต่อข้อมูล และไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างกันมัน ไม่นานก็คงเป็นอีกธุรกิจที่โดน Disrupt และหายไปจากโลกธุรกิจ
ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นฝั่งที่ Disrupt อุตสาหกรรมหรือเป็นฝั่งที่ถูก Disrupt……
วันนี้แจนมีโอกาสสัมภาษณ์หนุ่มไฟแรง ผู้ร่วมก่อตั้งเพจ Edverest – ทุนการศึกษาที่ใช่รอคุณอยู่ เพจน้องใหม่ ที่มีจุดเริ่มต้นแนวคิดที่ไม่ธรรมดา โดยปัจจุบันสามารถรวบรวมทุนทั้งในและนอกประเทศ และสร้าง impact เปลี่ยนชีวิตให้กับคนมากมาย เขามีวิธีการคิดและ วิธีการทำ ในการใช้ข้อมูลอย่างไรบ้าง ไปดูกัน !
สัมภาษณ์คุณปั่น Software Consultant บริษัท Thoughtworks
แอดแจน : สวัสดีค่า แนะนำตัวหน่อย ว่าตอนนี้ทำอะไร อยู่ที่ไหน
ปั่น : สวัสดีครับ ชื่อปั่นจบจากคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนี้ทำงานเป็น Software Consultant อยู่ที่ Thoughtworks และทำเว็ปไซต์และเพจ Edverest – ทุนการศึกษาที่ใช่รอคุณอยู่ ครับ
แอดแจน : จุดเริ่มต้นอะไรที่ทำให้ปั่นสนใจศาสตร์ด้านข้อมูล
ปั่น : จริง ๆได้ตามอ่านเรื่องของ Data science ใน Big tech company เรื่อย ๆ ครับ ตัวอย่างที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยที่สุดก็น่าจะเป็น Recommedation system ของ Spotify และ Netflix ที่มันจะคอยแนะนำสิ่งที่น่าใจถูกใจเรา ทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น
จริงๆ ถ้าได้ลองอ่านเคสต่างประเทศต่างๆ ก็เห็นว่าเขามีการนำข้อมูลมาใช้เยอะมากๆ ซึ่งมันจะช่วยโชว์ Insight และ ความสัมพันธ์ต่างๆ ของการใช้งานของลูกค้า ทำให้ธุรกิจตัดสินใจได้รวดเร็วและเฉียบคมยิ่งขึ้น
แอดแจน : ตอนนี้กำลังทำโปรเจ็คต์อะไรอยู่ เล่าให้ฟังหน่อย
ปั่น : ตอนนี้ทำเว็ปไซต์และเพจ Edverest – ทุนการศึกษาที่ใช่รอคุณอยู่ ครับ โดยผมและทีมมีจุดประสงค์คือ เราอยากที่จะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ที่คนไทยต้องเจอเกี่ยวกับทุนการศึกษานั้นง่ายและสะดวกรวดเร็วมากขึ้นครับ
ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาทุนการศึกษา , การเปรียบเทียบทุน หรืออื่น ๆ โดยเราได้พยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมกับหลักการทำงานที่เราเชื่อเพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดครับ
โดยตอนนี้เว็ปไซต์ของเรามี 2 ฟีเจอร์หลัก ๆ ครับ
- ลูกค้าสามารถค้นหาทุนการศึกษาผ่านการฟิลเตอร์ทุนได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟิลเตอร์ด้วยระดับการศึกษา คณะ หรือประเทศที่ต้องการได้ทุน ก็ได้หมดครับ
- แนะนำทุนที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้แต่ละคน
แอดแจน : ช่วยเล่าแนวคิดการทำงานหน่อยค่ะว่า ทำยังไงให้มีข้อมูลและต่อยอดได้ไว
ปั่น : ส่วนตัวผมมีรู้สึกว่าก่อนที่เราจะนำหลักการหรือแนวคิดบางอย่างมาใช้กับทีม มันต้องเริ่มจากการที่ทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจในความสำคัญของเป้าหมายที่เราพยายามจะไปให้ถึงก่อน
ถ้าทั้งทีมมีเป้าหมายและความเข้าใจเดียวกัน การนำแนวคิดที่สอดคล้องกับเป้าหมายมาใช้มันจะง่ายมากขึ้น
ปั่น @ Edverest.co
ในกรณีนี้เราอยากมีข้อมูลเยอะๆ และต่อยอดสินค้าของเราได้ไว เราก็ต้องอธิบายเป้าหมายและความสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลและการต่อยอดให้ทีมเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อน โดยแนวคิดและหลักการที่ทีมของเราใช้คือ Design Thinking และ AGILE ครับ
Design Thinking นั้นอยู่บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจลูกค้า ส่วน AGILE นั้นให้แนวคิดเกี่ยวกับการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็ว ซึ่งทั้งสองแนวคิดและหลักการนี้บ่อยครั้งสามารถไปด้วยกันได้ครับ เนื่องจากทั้งสองหลักการสนับสนุนการปล่อยสินค้าออกไปให้ลูกค้าใช้ให้รวดเร็วที่สุดเหมือนกัน
เพราะว่าเราต้องการข้อมูลเพื่อมาต่อยอดพัฒนาสินค้า “ให้ไวและต่อเนื่อง” เพื่อตอบสนองความต้องของลูกค้าให้ดีที่สุด
เราจึงต้องปล่อยสินค้าของเราออกไปให้ลูกค้าจริง ๆ เพื่อเราจะเก็บ“ข้อมูล” (Feedback) จากลูกค้าได้เร็วที่สุด จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาปัญหาต่างๆ
เมื่อเห็นปัญหาแล้ว เราจึงสร้างสมมุติฐานเพื่อแก้ปัญหานั้นขึ้นมา เมื่อมีสมมุติฐานเราจึงสร้างฟีเจอร์เพิ่ม หรือ modify สินค้าเก่าเพื่อจะมาพิสูจน์สมมุติฐานนั้น แล้วเราจึงปล่อยสินค้าอันใหม่ออกไป และกลับสู่การเก็บข้อมูลชุดต่อไปอีกครั้ง
จะเห็นว่าหลักการทำงานแบบนี้ให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นอย่างมาก ทุกอย่างเริ่มจากที่เรามีข้อมูลที่ช่วยให้ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจพัฒนาสินค้าไปในทางที่ถูกต้องมากขึ้นได้
อย่างที่บอกครับ ถ้าไม่ทำให้ทีมเข้าใจเรื่องความสำคัญของข้อมูลและการต่อยอดก่อน ก็คงนำหลักการพวกนี้เข้ามายาก การสื่อสารกันในทีมก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากครับ
แอดแจน : ก้าวต่อไปของ Edverest จะไปในแนวทางไหน Edverest มีแพลนจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลบ้างไหม และพอจะบอกได้ไหมว่ามีอะไรบ้าง
ปั่น : มีครับ อยากใช้ประโยชน์จากข้อมูลหลาย ๆ อย่างเลย หลาย ๆ ครั้งผมและทีมก็ได้เอาข้อมูลมาเปิดดูแล้วก็ลองคิดกัน ตั้งคำถามและสมมุติฐานกันไปมา เพื่อให้เกิดไอเดีย หลาย ๆ อย่างขึ้นครับ
ยกตัวอย่างเช่นการใช้เครื่องมือง่ายๆอย่าง Google Analytics เพื่อดูข้อมูลที่เกิดขึ้นกับเว็ปไซต์ของเรา เช่น
- Bounce Rate (สัดส่วนของการเข้าชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียว) เป็นจำนวนเท่าใด มาจากหน้าไหนของเว็บไซต์มากที่สุด
- ดูข้อมูลว่าผู้ใช้งานของเราใช้เครื่องมือ (Device) อะไรในการเข้าชมเว็บเรามากที่สุด
- ดูช่องทางว่าผู้ใช้งานของเรามาจากช่องทางต่างๆ เป็นสัดส่วนเท่าไหร่
เราสามารถใช้การติด Tag Manager ในแต่ละหน้าเว็บไซต์ของเราได้ โดยที่ไม่ต้องลงมือเขียนโค้ดเองด้วยซ้ำ
ซึ่งเมื่อเรามีข้อมูลแล้ว เราก็สามารถตั้งสมมุติฐานจากข้อมูลเพื่อทำให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างทันท่วงที เช่น
- เมื่อพบว่า Bounce Rate ของเว็ปเราค่อนข้างสูง ทีมเราจึงลองตั้งสมมุติฐานว่าหน้าแรก (Home page) ของเราไม่สามารถทำให้ผู้ใช้เข้าใจบริการของเราได้ ผู้ใข้จึงออกจากเว็ปเราไป จากนั้นเราจึงลองแก้ไขเนื้อหาในหน้าแรกให้ดีขึ้น
- ผู้ใช้งานส่วนใหญ่บน Device ใด เพื่อออกแบบ UX/UI ที่ผู้ใช้งาน สามารถเข้าชมได้อย่างลื่นไหล
- ช่องทาง ที่ผู้ใช้งานเข้ามาบนเว็บไซต์ ส่วนใหญ่มากจากช่องทางใด ทำไมผู้ใช้งานมาจากช่องทาง Search น้อยมาก SEO ของเราไม่ดีหรือเปล่า เราต้องพัฒนาตรงส่วนไหนเพิ่มบ้าง
นอกจาก GA แล้ว การทำ A/B testing ก็สามารถช่วยวางโครงสร้างของระบบให้ Achieve ตามเป้าหมายและถูกใจผู้ใช้งาน
A/B testing คือการนำผลิตภัณฑ์สองรูปแบบที่ต่างกันออกไปทดสอบกับผู้ใช้งานสองกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกัน เพื่อดูผลลัพธ์ว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่ากัน ซึ่งในกรณีของการทำเว็ปไซต์ก็อาจจะทำเว็ปไซต์ที่ design แตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นมาสองแบบ แล้วปล่อยไปให้ลูกค้าใช้ และเก็บข้อมูลจากการใช้งานของพวกเขาเพื่อทดสอบว่าหน้าตาของเว็บแบบไหนที่จะช่วยให้เกิด Action ที่เราต้องการได้มากที่สุด ซึ่งเราสามารถทำ Mock-up ง่ายๆเพื่อทำการเทสต์กับผู้ใช้งานได้ทันที
อีกข้อมูลนึงที่น่าสนใจและมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของ Edverest มากคือ ข้อมูล Location ของผู้ใช้งานเว็ปไซต์ของเราครับ เนื่องจากเป้าหมายของเรานอกจากที่จะอยากให้ขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทุนการศึกษาง่ายขึ้นแล้ว เรายังอยากที่จะ “กระจายโอกาสทางการศึกษา”ออกไปทั่วประเทศไทยด้วย และข้อมูล Location ของผู้ใช้งานนี่เองที่จะทำให้ทีมของเราทราบว่าตอนนี้ผู้ใช้งานหลักของเราอยู่จังหวัดไหน และเราต้องทำยังไงให้เราเข้าถึงผู้ใช้งานในบางพื้นที่ได้
แอดแจน : น่าสนใจมากค่ะ มีคำแนะนำอะไรให้กับคนที่อยากหยิบข้อมูลมาใช้งานบ้างคะ
ปั่น : ก่อนอื่นต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนครับ โดยคำถามสำคัญ 3 ข้อคือ
- อยากรู้อะไร
- อยากทำอะไร
- อยากทำเพื่อใคร
พอเราได้เป้าหมายชัดเจนแล้วค่อยมาโฟกัสเรื่องการหาข้อมูลหรือเก็บข้อมูลครับ เราจะได้รู้ว่าจะเก็บเรื่องอะไรบ้าง หรือหาข้อมูลใดบ้างมาวิเคราะห์บ้าง พยายาม scope สิ่งที่เราต้องการจะทำเป็นเรื่องๆ ไว้ครับ ถ้าเป้าหมายเราไม่ชัดเจน งานก็จะไม่เป็นชิ้นเป็นอันครับ
แล้วก็อยากจะแนะนำว่าไม่ต้องไปยึดติดกับ Buzz words หรือเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ฟังดูเจ๋งๆ ครับ มันไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกปัญหา หลาย ๆ ปัญหาไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้ Machine Learning หรือ AI เลยครับ แค่การนำช้อมูลว่าวิเคราะห์เชิงสถิติง่าย ๆ ก็สามารถแก้บางปัญหาได้เหมือนกัน
หยิบเทคโนโลยี ที่เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อสร้างการตัดสินใจที่ดีที่สุดในเวลานั้นๆ
ปั่น @ Edverest.co
สิ่งสำคัญคือความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของข้อมูลและการตั้งคำถามและสมมุติฐานหลังจากเรามีข้อมูลครับ :)
สรุปเรื่อง Data จากคุณปั่น
หลังจากได้สัมภาษณ์ปั่น ก็มีหลายๆอย่างที่สามารถเอาไปต่อยอดได้ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน การสร้าง Value หรือ Impact ที่จะช่วยแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้กับผู้ใช้งานนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นจากการที่ทำรู้ว่าจริงๆแล้ว ผู้ใช้งานเขามีปัญหาอะไร ณ ช่วงเวลานั้นๆ เราต้องศึกษาข้อมูลและรับฟังฟีคแบคผู้ใช้งานตลอดเวลา เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ ณ ช่วงเวลานั้นๆ
ติดตามเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับ Data Science ได้ที่ เพจ Data Science ชิลชิล และหากต้องการติชม หรือแนะนำอะไร ก็สามารถคอมเม้นท์ไว้ได้เลยนะคะ แอดเจนมาตามอ่านทุกคอมเม้นท์ค่ะ