“เราต้องก้าวออกจาก Comfort Zone” เป็นสิ่งที่แอดได้ยินมาหลายปีแล้ว และหลาย ๆ คน (รวมทั้งแอดเอง) ก็เคยเชื่อว่านี่แหละคือสิ่งที่เราต้องทำ
Comfort Zone หมายถึง การอยู่ในสภาวะที่ชีวิตสุขสบาย ไม่มีปัญหาใหญ่ ๆ มากดดัน และไม่มีอะไรหวือหวาในชีวิต
คนส่วนใหญ่เลยบอกว่า ถ้าอยากพัฒนาให้เก่งกว่าเดิม เราก็ต้องออกจาก Comfort Zone เท่านั้น
วันนี้แอดจะมาเล่าให้ฟัง ว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ต้องออกจาก Comfort Zone เราก็พัฒนาตัวเองได้นะ
วิธีพัฒนาตัวเอง โดยไม่ต้องออกจาก Comfort Zone
พอแอดทำงานมาหลายปี ได้ทำงาน ในองค์กรหลากหลายรูปแบบ และได้พูดคุยกับคนที่มาจากหลากหลายประเทศ หลากหลายระดับอายุ ก็ได้เจอว่า…
เราไม่ต้องออกจาก Comfort Zone เราก็พัฒนาได้ โดยใช้เทคนิคการ “ขยาย” Comfort Zone แทน
แทนที่เราจะออกจาก Comfort Zone ไปลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราเคยทำมาก่อน ก็ลองขยับขยายจากสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วแทน แล้วค่อย ๆ ขยับไปจนถึงเป้าหมายที่เราต้องการ
ตัวอย่างการขยาย Comfort Zone
เช่น เราอยากทำงานเป็น Machine Learning Engineer แบบพี่ฝน Sertis แต่เราทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ ไม่มีความรู้การเขียนโปรแกรมเลย
แทนที่เราจะไปเข้าเรียนคลาส Python เลย ซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เรามีความรู้พื้นฐานมาก่อน เราก็สามารถหัด Excel และ R ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีโมเดลสำหรับเศรษฐาสตร์รองรับอยู่แล้ว ทำให้เรานำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที
พอเราเขียนโปรแกรมใน R ได้แล้ว ค่อยขยับไปเรียน Python ต่อ แล้วค่อย ๆ ขยับขยายไปเรื่องฐานข้อมูล และเรื่อง Cloud ในอนาคต
พอค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปแบบนี้ เราก็จะไม่กดดันมาก และเรายังเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตำแหน่งงานเดิมของเรามีมูลค่ามากขึ้นด้วยครับ
ถ้าไม่สามารถขยาย Comfort Zone ได้ล่ะ ?
แอดมองว่า ถ้าเราลองดูแล้วไม่สามารถขยาย Comfort Zone ได้จริง ๆ ค่อยกระโดดออกมาครับ ซึ่งก็จะเสี่ยงมากกว่าหน่อย และไม่ได้การันตีว่าเราจะพัฒนาได้จริงครับ
แอดเคยเจอทั้งเคสของคนที่กระโดดออกมาแล้วถูกจังหวะ ทำให้เจอสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ากับตัวเอง และเคยเจอทั้งเคสของเพื่อนสนิทแอดเองที่กระโดดออกมาแล้วพังหนักกว่าเดิมครับ
ส่วนเคสของแอดเอง ใช้วิธีขยาย Comfort Zone เอาครับ ใช้ความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งที่มีอยู่แล้ว เอามาปลั๊กกับความรู้ด้าน Data อีกที ซึ่งก็ได้ผลออกมาดีครับ
ไม่มีใครผิดหรือถูกที่สุดนะครับ ท่านใดเลือกทางไหน แล้วออกมาดีหรือไม่ดียังไง มาแชร์กันได้นะครับ